ความหมายของใบค่าสายตา
ตัวอย่าง
หลายๆท่านที่มีความสงสัยเวลาไปร้านแว่นหรือคลินิกสายตามักจะได้ใบค่าสายตาที่เป็นภาษาแปลกๆ มีตัวเลขงงๆ เดี๋ยวมี+(บวก)บ้าง เดี๋ยวมี-(ลบ)บ้าง บางที่ไม่พอมีx(คูณ)แถมท้ายมาอีก เผลอๆมีAddมาอีกทำเอาคนอ่านก็งงๆตามกันไปว่าสรุปเป็นสายตาไหนอะไรยังไงมาดูกันเลยดีกว่า เรียกได้ว่าจะอธิบายกันให้กระจ่างแจ้งแดงแจ๋กันไปข้างนึงเลยล่ะ
เรามาเริ่มกันที่ละตัวเลยดีกว่าละกัน
Distance
Distance คือค่าสายตาที่ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนที่ระยะไกล
OD ย่อมาจาก Oculus Dexter ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "ตาขวา"
OS ย่อมาจาก Oculus Sinister หรือแปลว่า "ตาซ้าย"
หรือบางครั้งจะเห็นว่ามี OU ย่อมาจาก Oculus Uterque หรือแปลว่าทั้งสองตานั่นเอง
Sphere
Sphereคือส่วนที่ใช้ในการบอกค่าสายตาของคุณที่แก้ไขด้วยเลนส์แล้วมองเห็นได้เทียบเท่าคนสายตาปกติ
ซึ่งจะมีทั้งหมดสองค่าคือค่าบวก(+)กับค่าลบ(-)
เครื่องหมายลบ (-)หมายถึงการมีสายตาสั้น
เครื่องหมายบวก(+)หมายถึงสายตายาว
Cylinder
Cylinderคือการบอกถึงกำลังของค่าสายตาเอียงที่มีตัวเลขที่เป็นค่าสายตาเอียง
อาจเป็นเครื่องหมายลบ(-)หรือบวก(+)ก็ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเขียนของหมอ
Axis
Axisคือการบอกถึงองศาของค่าสายตาเอียง ซึ่งจะถูกกำหนดให้องศาเอียงอยู่ตั้งแต่0-180องศา
ขึ้นอยู่กับแต่ละท่าน หากมีค่าสายตาเอียงต้องมีค่าองศาบอกมาด้วยเช่นกัน
Prism
Prismคือการใส่ปริซึมเข้าไป มักพบว่าผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็นภาพซ้อน
มักมีการแก้ไขด้วยการใส่ปริซึมเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้เห็นภาพไม่ซ้อนคมชัด และเป็นภาพเดียว
ba
คือตัวกำหนดทิศทางของปริซึมมี4ทิศทางโดยมีตัวย่อที่ใช้สำหรับบอกทิศทางดังนี้
Prism: BU = ฐานขึ้น BD = ฐานลง
BI = ฐานเข้า BO = ฐานออก
Add
Add
คือค่าสายตาที่ใช้เพื่อแก้ไขสายตายาวตามอายุ มักจะเป็น "บวก" เสมอ โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในช่วง 0.75-3.00 D ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และจะต้องเป็นค่าสายตาเดียวกันทั้งสองข้าง
PD
คำว่า PD ถูกย่อมาจาก Pupil distanceหรือก็คือความห่างของรูม่านตานั้นเองซึ่งค่าแรกจะบ่งบอกถึงความห่างของรูม่านตาเมื่อมองไกล ส่วนค่าที่สองจะบอกถึงความห่างเมื่อมองใกล้
สุดท้ายเมื่อรู้ค่าทั้งหมดเหล่านี้ก็ทำให้เราสามารถอ่านใบค่าสายตาได้แล้วว่าตกลงเรามีค่าสายตาเท่าไหร่กันแน่ ตอนนี้เราสายตาสั้นเท่าไหร่ มีสายตาเอียงด้วยหรือไม่