“Gucci” แบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลีที่เหล่าแฟชั่นตัวพ่อยังตกหลุมรัก

ความเป็นมาของ Gucci เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1921 โดยกุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เป็นผู้ก่อตั้งกิจการ Gucci โดยที่เริ่มต้นจากการผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องหนัง จนกลายมาเป็นอาณาจักรสินค้าหรูภายใต้ชื่อ Gucci ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปี 1921 เริ่มต้นจากการทำงานในโรงแรมซาวอยู่ที่กรุงลอนดอน กุชชี่นั้นได้หลงใหลในความสวยงามของกระเป๋าเดินทางที่พบเห็นอยู่ทุกวัน จนในที่สุดเขาได้ตัดสินใจกลับไปยังบ้านเกิดที่ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และได้เปิดร้านผลิตเครื่องหนังเป็นของตนเอง เมื่อกิจการตกทอดสู่รุ่นลูก “อัลโด กุชชี่” (Aldo Gucci) สินค้าภายใต้ชื่อ Gucci ก็ได้จำหน่ายไปทั่วโลก อัลโดเป็นผู้ตัดสินใจเปิดร้านกุชชีแห่งที่สองในกรุงโรมในช่วงทศวรรษ 1950 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในโรมแล้วอัลโดก็ตัดสินใจเปิดร้านสาขาแห่งใหม่ในนิวยอร์ก

เมื่อกิจการตกทอดถึงรุ่นที่สาม เปาโล กุชชี่ ซึ่งเป็นบุตรชายของอัลโดก็มีแนวทางธุรกิจของตนเอง เขาต้องการขยายไลน์สินค้าราคาไม่แพงนัก เพื่อจับฐานตลาดลูกค้าวัยรุ่น แต่คนในครอบครัว Gucci กลับไม่เห็นด้วยและคัดค้านอย่างหนักนมาซึ่งความขัดแย้งในครอบครัว ต่อมากิจการได้ตกทอดสู่ลูกชายของเปาโลคือมาอุริซิโอ ได้รับช่วงมรดกกิจการครึ่งหนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะยึดครองกิจการไว้ในมือเสียเองทั้งหมด โดยให้บริษัทอินเวสต์คอร์ป (Invest corp) ดำเนินการซื้อหุ้นกิจการส่วนที่เหลือจากญาติพี่น้องของเขา โดยให้บริษัทอินเวสต์คอร์ป (Invest corp) ดำเนินการซื้อหุ้นกิจการส่วนที่เหลือจากญาติพี่น้องของเขา เปาโลเป็นคนแรกที่ยอมขายหุ้นในมือ

และในที่สุด มาอุริซิโอ ก็ได้ฟื้นฟูภาพพจน์กิจการที่ย่ำแย่ให้คืนกลับมา โดยมีผู้ช่วยคนสำคัญคือ โดเมนิโก เดอ โซเล ทนายความของเขา เป็นผู้รับผิดชอบดูแลกิจการ Gucci America และดอน เมลโล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bergdorf Goodman ถูกดึงตัวมารับผิดชอบตำแหน่ง creative director นอกจากนั้นยังได้ว่าจ้าง ทอม ฟอร์ด เป็น junior designer ด้วยและหลังจากนั้นก็ได้บริหารกิจการมาเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตามกิจการภายใต้การบริหารของมาอุริซิโอในช่วงแรกดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นมากนัก เนื่องจากไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างดี ในช่วงที่ Gucci ประสบการขาดทุน มาอุริซิโอ ได้ทุ่มเงินถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงสำนักงานใหญ่ที่ฟลอเรนซ์ และในระหว่างปี 1991-1993 กิจการมียอดขาดทุนรวมถึงราว 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1994 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ Gucci มีภาวะทางการเงินย่ำแย่อย่างหนัก เนื่องจากผลประกอบการติดลบทำให้ไม่มีกำไรอีกทั้งยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่นานวันก็ยิ่งมากขึ้นจนทำให้ซัปพลายเออร์ของพวกเขาขาดความเชื่อมั่นในตัวบริษัท

ในปี 1999 เป็นปีที่ Gucci กลับมาอีกครั้งจากการที่บริษัท Pinault-Printemps-Redoute หรือ PPR ได้เข้ามาซื้อหุ้นของ Gucci จำนวน 42% คิดเป็นมูลค่ามากถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็ทำให้ Gucci สามารถรอดพ้นจากบริษัทอื่น Take Over ด้วยการมาของ PPR ทำให้การดำเนินงานของ Gucci ดีขึ้นมากจากหนี้สิน ที่เคยมีในอดีตจนกลายมาเป็นบริษัทที่ถือครองเงินอย่างมหาศาล และที่สำคัญ Gucci ได้ทำการซื้อหุ้นหรือไม่ก็ซื้อบริษัทอื่น ทำให้ Gucci มีแบรนด์สินค้าอื่นอยู่ในเครือมากมายอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

• Black Acetate Frame with hand-applied Crystals along the edges and Gold metal temples •

ในปัจจุบันนั้นมีรายได้จากทั่วโลกในปี 2017 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 150,400 ล้านบาท และนอกจากนี้ Forbes ยังได้จัดให้ Gucci เป็นแบรนที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 47 ของโลกด้วยทรัพย์สินที่แบรนด์นี้ถือครองทั้งสิน 12,700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 406,400 ล้านบาท สำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยลองใช้แบรนด์นี้มันคงต้องเป็นแบรนด์ที่คุณจะต้องหยิบมาลองดูแล้วล่ะ

• Holiday 2018 Gift Collection Shiny Gold Metal Frame •

กุชชี่กลายเป็นแบรนด์ที่ยังยืนผงาด ท่ามกลางความซบเซาของตลาดแฟชั่นไฮเอนด์จากผลพวงการก่อการร้ายในยุโรป ตัวเลขยอดขายสูงขึ้น 7.4% ในไตรมาสแรกของปี 2016 ติดอันดับที่ 44 ในหมวด World’s Most Valuable Brands ด้วยมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes และตามหลังแค่ Louis Vuitton อันดับ 19 เพียงแบรนด์เดียวในกลุ่มแบรนด์ luxury

• Holiday 2018 Gift Collection Oversize gold metal frame with butterfly shape •

จีจีไอคอน หรือ สัญลักษณ์ GG สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นกุชชี่มากที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวอักษร GG ที่เป็นกุชชี่ไอคอนที่ลงตัวในทุกส่วนของงานแฟชั่น สะท้อนถึงแก่นแท้ของกุชชี่ ความเป็นเอกลักษณ์ของการกลับตัวอักษรที่พบได้ทุกคอลเลคชั่น

• Beige glitter acetate and gold metal frame •

Bamboo หรือ ไม้ใผ่ การนำไม้ไผ่มาใช้สร้างสรรค์ในงานแฟชั่นดีไซน์ เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์กุชชี่ที่มีชื่อเสียงที่สุด นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1947 ซึ่ง Bamboo เฉิดฉายอยู่ในแทบทุกชิ้นงานของแบรนด์ และกุชชี่ยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเอาไม้ไผ่แท้ๆ มาเป็นองค์ประกอบของแว่นตา ซึ่งการที่จะผสมผสานวัสดุทั้งสองอย่างอันได้แก่ไม้และสแตนเลสเข้าด้วยกันนั้น ต้องอาศัยช่างฝีมือที่มีความประณีตละเอียดอ่อนอย่างมาก


• Gold metal frame with black acetate bridge •

Horsebit หรือ สัญลักษณ์รูปห่วงรัดปากม้ากุชชี่ ไอคอนที่กำลังมาแรงที่สุดในปีนี้ ห่วงรัดปากม้า เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอ่างหนึ่งของกุชชี่ ที่ถูกใช้ไปในทุกประเภทของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า กระเป๋า เข็มขัด นาฬิกา รวมถึงแว่นตา


• Gucci Inspired Cat Eye Crystal Decoration Round Women Clear Sunglasses Luxury Rose Gold Clear •

Gucci Garden ที่นำเอาแรงบัลดาลใจจากเรื่องราวของ Garden of Eden ซึ่งเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ อาทิ เสือและผึ้ง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของหมู่มวลพรรณไม้ที่ดูสวยงามชวนฝัน โดยมีงูและแอปเปิ้ลเป็นองค์ประกอบที่อิงมาจากเรื่องของ Adam and Eve มาสร้างสรรค์ในแบบฉบับของครีเอทีฟไดเร็คเตอร์คนเก่ง อเลสซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele)


• GUCCI Zone @Bridders Optical •

หลังจากกว่า 80 ปีที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในที่สุด Gucci ในศตวรรษใหม่ ภายใต้การนำของ PPR ผลประกอบการของ Gucci ดีขึ้นเรื่อยๆโดยมีเงินสดมหาศาลโดยแทบปราศจากหนี้สิน Gucci กลายเป็นแบรนด์ระดับหรูที่ผู้คนต่างหวังที่จะมีไว้ในครอบครอง สามารถยืนหยัดได้โดยไม่จะเป็นต้องโฆษณา อีกทั้งยังมีชื่อยี่ห้อชั้นนำอาทิ กิจการเครื่องเพชร Boucheron ที่ซื้อไว้ในเครือ นอกจากนั้น Gucci ยังเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการ Sergio Rossi, Bottega Veneta, กิจการนาฬิกา Bdat & Co. และสามารถดึงตัวอเล็กซานเดอร์ แม็คควีน (Alexander McQueen) อดีตดีไซเนอร์ฝีมือดีจาก Givenchy ผู้ออกแบบและตัดเย็บชุดแต่งงานของแคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มาร่วมงานอีกด้วย


• GUCCI Zone @Bridders Optical •

Bridders Optical จะพาไปส่องเซเลบริตี้รักแฟชั้นของเมืองไทยที่เลือกใช้ GUCCI Italian luxury brand กันน่ะครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ GUCCI แบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลี ที่ทาง Briddes Optical เราเลือกสรรค์มาให้ชมหากลูกค้าต้องการดูคอลเลคชั่นเพิ่มเติมของ GUCCI สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ https://bridders.com/product.php?search=Gucci หรือเข้ามาแวะลองแวะชมได้ที่ Bridders Optical ทุกสาขาได้แล้ววันนี้
ร้านเปิดทุกวัน 11:00-20:00
• Metro Mall รถไฟใต้ดินสุขุมวิท
• ชั้น G ตึกเวฟเพลส BTS เพลินจิต
โทร 0830639623
Line @briddes
https://bridders.com/
บริการให้คำปรึกษาและตรวจวัด สายตาด้วยนักทัศนมาตร Doctor of Optometry ทั้งหมด 5 ท่าน ร่วมกับเครื่องมือตรวจวัดสายตาสุดแม่นยำ Rodenstock DNEye Pro และ Zeiss i.Profiler plus จากประเทศเยอรมันนีที่จะคำนวณพื้นผิวกระจกทั้งในที่มืดและสว่างเพื่อความแม่นยำของการมองเห็นอย่างสูงที่สุด
บริการให้คำปรึกษาจาก Frame Specialist ที่จะแนะนำทรงกรอบแว่นตาที่เข้ากับคุณ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบที่คุณต้องการเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของ Briddes Optical