ลูกค้าเพศชายอายุ 43 ปี มีอาชีพเป็นทันตแพทย์ นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ต้องการอยากตัดแว่น เมื่อพิจารณาจากอาชีพและการใช้สายตาแล้ว จึงแนะนำเลนส์โปรเกรสสิฟให้กับลูกค้า เพื่อรองรับการมองเห็นที่ชัดเจนหลายระยะมากกว่าเลนส์ชั้นเดียว
Refraction & Trail lens
R: -13.50
L: -10.50-0.75x152
Addition +1.25
Fram design
เนื่องจากลูกค้ามีค่าสายตาที่มาก จึงต้องเลือกกรอบที่มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย จึงเลือกเป็น Linberg air titanium rim cameron ตัวกรอบแว่นเป็นแบบ Full rim frame ที่ทำจาก ลวด Titanium ชนิดพิเศษ ของ Linberg ข้อดีของ titanium คือจะทำให้ตัวกรอบแว่นมีความเบามาก ยืดหยุ่นสูง แต่ยังคงมีความแข็งแรง เสียทรงยาก ยิ่งไปกว่านั่น ยังไร้น๊อต ไร้สกรู ตัวแป้นจมูกสามารถปรับได้หลากหลาย เพื่อรองรับสรีระของผู้สวมใส่ให้สบายมากที่สุด
Lens design
Zeiss Progressive Precision individual 2 เลนส์โปรเกรสสิฟที่ดีที่สุดจาก Zeiss ซึ่งสามารถรองรับค่าสายตาของลูกค้า(+13.00 ถึง -15.00) พร้อมกับนั้นตัวเลนส์ยังได้ย่อบางพิเศษ นั่นคือ index 1.74 ทำให้ตัวเลนส์มีความบางที่สุด เบา และสามารถลดภาพบิดเบือนด้านข้างได้มากขึ้น นอกจากจะย่อบางที่สุดแล้ว เลนส์โปรเกรสสิฟรุ่นนี้ ยังได้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้สายตาของลูกค้า การมองเห็นที่ดีที่สุด การปรับตัวที่ง่ายที่สุด เทคโนโลยีต่างๆนั้นได้แก่
-
Precision Technology เทคโนโลยีที่ประกอบด้วยนวัตกรรม 3 ประการ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกระยะการมองจากการขัดผิวเลนส์แบบ Freeform, การเปลี่ยนระยะการมองจากไกล กลาง ใกล้ ได้อย่างลื่นไหลเนื่องจาก ได้นำการเคลื่อนไหวตาของลูกค้าไปคำนวณร่วมด้วย , การขัดเลนส์ให้บางที่่สุดเท่าที่ค่าสายตาของลูกค้าจะสามารถทำได้
-
Digital inside เทคโนโลยีนี้ ได้ปรับโครงสร้างของเลนส์โปรเกรสสิฟ ให้เหมาะกับพฤติกรรมการอ่านหนังสือ และการใช้สมาร์ทโฟนของลูกค้า
-
FrameFits Technology โดยเทคโนโลยีนี้สามารถให้อิสระแก่ลูกค้าในการเลือกกรอบแว่นได้ตามใจชอบ เพราะมันสามารถคำนวณการไล่ค่าสายตาจากไกลไปใกล้ได้อย่างเหมาะสมในกรอบแว่นนั้นๆได้
4. Adaptation Control Technology สำหรับลูกค้าที่ใช้เลนส์โปรเกรสสิฟครั้งแรก เทคโนโลยีนี้ สามารถตอบโจทย์ได้ดี ซึ่งจะช่วยให้การปรับตัวในการใช้เลนส์ได้ง่ายขึ้น ใช้ระยะเวลาน้อย ทำให้ลูกค้าแฮปปี้กับการใส่เลนส์โปรเกรสสิฟครั้งแรกได้ดีขึ้น
5. FaceFits Technology เทคโนโลยีนี้ได้นำค่าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นผ่านเลนส์มาคำนวณในการทำเลนส์โปรเกรสสิฟขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเลนส์ที่มีค่าเฉพาะตัวของบุคคลมากขึ้น
ได้แก่ ข้อมูลต่างๆของกรอบแว่น ระยะห่างระหว่างกึ่งกลางตาดำของทั้งสองตา ระยะจากกึ่งกลางตาดำถึงส่วนล่างสุดของกรอบแว่น มุมเทหน้าแว่น ระยะห่างของกรอบแว่นถึงกระจกตา เป็นต้น
6. Luminance Design Technology ภายใต้สภาวะแสงที่มีความสว่างแตกต่างกัน สามารถส่งผลถึงคุณภาพการมองเห็นของผู้มองเห็นได้ เนื่องจากการปรับขนาดของรูม่านตา เทคโนโลยีนี้จึงได้นำค่าความกว้างของรูม่านตาของลูกค้ามาคำนวณในการทำเลนส์โปรเกรสสิฟออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ในทุกสภาวะแสง
7. IndividualFit Technology ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับการใช้สายตา เช่น ในบางคนใช้สายตาในระยะใกล้มากกว่าตัวเลนส์จึงออกแบบให้รองรับการใช้สายตาในระยะใกล้ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับในกรณีนี้ ลูกค้าเน้นการใช้งานในระยะกลาง (Intermediate) ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่เข้าประชุมบ่อย นำเสนองานบ่อย สามารถใช้ในที่ทำงานได้ เช่นการสอนหนังสือ (ลูกค้ามีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย) นอกจากนี้ในคนที่มีการใช้สายตาที่หลากหลาย เลนส์โปรเกรสสิฟที่มีเทคโนโลยีนี้ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี
Coating ที่เคลือบผิวเลนส์ เลือกเป็น DuraVision® Platinum ซึ่งเป็น premium coating จาก Zeiss ที่เคลือบบนผิวเลนส์ทั้งหมด 9 ชั้น ทำให้เลนส์มีความแข็งแรงมากที่สุด ไม่เป็นรอยได้ง่าย ลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือ หรือฝุ่นเกาะ นอกจากนี้ ยังลดแสงสะท้อน ทำให้คุณภาพการมองเห็นภาพของลูกค้า มีคุณภาพที่ดีเยี่ยมมากขึ้น